อักษรวิ่ง

WDC4Group รับให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการวางแผนทางการเงิน

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2562

40. ตอบคำถามนี้ได้ ไม่มีวันล้มเหลว

ในภาพอาจจะมี ข้อความ

ตอบคำถามนี้ได้ ไม่มีวันล้มเหลว
ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังจะโดดสะพาน
สู่กระแสน้ำอันเชี่ยวกรากเพื่อฆ่าตัวตาย
หลังจากอกหักจากหญิงที่ตัวเองรัก
ก่อนที่เค้าจะกระโดด
เค้าล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อหยิบลูกอมเม็ดหนึ่งออกมา
เหมือนจะให้รางวัลตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต
เมื่อเค้าฉีกกระดาษห่อลูกอมออกมา
ตาของเค้าก็ได้เห็นคำพูดๆหนึ่งที่สะกิดใจอยู่บนสลาก
ประโยคนั้นเขียนว่า
"เราอาจเป็นคนๆหนึ่งบนโลกใบนี้
แต่เราอาจเป็นโลกทั้งใบของใครคนหนึ่ง"
เหมือนเทวดาดลใจทำให้หนุ่มคนนี้คิดได้
เค้าวิ่งกลับไปที่บ้าน
ที่หน้าบ้านเห็นคุณพ่อ คุณแม่นั่งอยู่
เค้าวิ่งตรงเข้าไปกอด
แล้วก้มลงกราบที่เท้าของทั้งสองท่าน
น้ำตาไหลอาบแก้มแล้วก็ขอโทษ
ขอโทษที่เค้าเกือบจะทำร้าย
โลกทั้งใบของคุณพ่อ คุณแม่ไปเสียแล้ว
ฟังเรื่องราวนี้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ
สำหรับผมแล้ว
ผมรู้สึกตลอดเวลาว่าชีวิตผมไม่ใช่ของผม
ชีวิตของผมเป็นของพ่อแม่ผม
ชีวิตผมเป็นของภรรยาและลูกของผม
ผมงี่เง่าไม่ได้
ผมไม่สำเร็จในชีวิตไม่ได้
ผมท้อถอยไม่ได้
เพราะหากผมเป็นอย่างนั้น
ผมกำลังทำร้าย
โลกทั้งใบของคนที่รักผมและผมรัก
ทุกความสำเร็จในชีวิต
ทั้งเรื่องการงานและเรื่องการเงิน
หากคุณลงมือสร้างมัน
โดยลืมนึกถึงตัวเองเสียบ้าง
แล้วลองกลับไปถามหัวใจตัวเองว่า
"คุณคือโลกทั้งใบของใคร
ใครคือโลกทั้งใบของคุณ"
หากคุณตอบได้อย่างชัดเจน
ผมเชื่ออย่างสุดหัวใจเลยว่า
คุณจะได้ในเป้าหมายทุกเป้าหมายที่คุณฝัน
คุณจะไม่มีทางล้มเหลวเด็ดขาด
แล้วตอนนี้คุณตอบได้หรือยังครับ
"ใครคือโลกทั้งใบของคุณ
คุณคือโลกทั้งใบของใคร"

• บทความโดย คุณมงคล ลุสัมฤทธิ์ • CEO of WDC Group
Website: www.wdcgroup.co.th
Line@: http://line.me/ti/p/%40wealthdesigner

#WDCgroup
#WealthDesigner
#OurTouchForTheBetterLife
#ทุกชีวิตที่เราสัมผัสจะต้องดีขึ้น

39. เงินก้อนแรกที่คุณต้องมี

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และข้อความ

เงินก้อนแรกที่คุณต้องมี
"หากวันนี้คุณขาดรายได้
คุณจะมีเงินพอที่จะอยู่ได้กี่เดือนครับ"
ผมมักจะถามคำถามนี้กับน้องๆ
ที่อยากเข้ามาทำงานเป็นที่ปรึกษาการเงินกับผม
งานที่ปรึกษาการเงินรายได้มาจาก
คอมมิชชั่นของสินค้าการเงินที่ใช้ในการวางแผน
และค่าธรรมเนียมในการจัดทำแผนการเงิน
ตอนเริ่มงานใหม่ๆ
ก็เหมือนกับกำลังเริ่มต้นสร้างธุรกิจของตัวเอง
ตลาดยังไม่เป็นที่รู้จัก ความสามารถยังไม่มากพอ
การมีรายได้จึงไม่สม่ำเสมอ
บางเดือนมาก บางเดือนน้อย
การทำงานนี้แล้วต้องกังวลกับการที่ต้องมีรายได้เร็วๆ
สำหรับค่าใช้จ่ายและภาระที่มีอยู่
ทำให้ทำงานได้ไม่ดีพอ
ก็เหมือนกับคนที่กำลังออกมา
ทำธุรกิจของตัวเองทั่วไป
หรือแม้แต่คนที่ทำงานมีรายได้ประจำครับ
ที่ควรถามคำถามนี้ก่อนในการวางแผนการเงิน
คนหลายคนชอบมาปรึกษาผมว่าจะลงทุนอะไรดี
ทำยังไงจะได้ผลตอบแทนดีๆ
พอผมถามว่าเงินที่มีสภาพคล่อง เบิกง่าย ถอนง่าย
เทียบกับค่าใช้จ่ายที่ตัวเองต้องรับผิดชอบต่อเดือน
สามารถทำให้อยู่ได้โดยไม่มีรายได้ ได้กี่เดือน
คำตอบของหลายๆคนยังมีไม่พอที่จะอยู่ได้ 3 เดือน 6 เดือนเลย
ผมจึงแนะนำว่าไปเก็บเงินตรงนี้ให้พอก่อน
ก่อนที่จะคิดถึงเรื่องลงทุนอะไรดี
เงินที่มีสภาพคล่อง 3 – 6เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือนนี้
เราเรียกว่า "เงินฉุกเฉิน" หรือ Emergency Cash
เป็นเงินที่คุณต้องมีเผื่อไว้ในกรณีขาดรายได้ชั่วคราว
เช่นตกงาน เปลี่ยนงาน ที่ทำงานหยุดกิจการ
ตามหลักการคุณควรจะเตรียมไว้ให้พออย่างน้อย
ที่จะทำให้คุณอยู่ได้โดยไม่มีรายได้ 3 - 6 เดือน
แต่ก็ไม่ได้ต้องfix ว่าต้อง 3เดือน 6เดือนนะครับ
หากคุณมีแหล่งรายได้หลายๆทาง
หรืองานหรือธุรกิจคุณมั่นคงแน่นอน
คุณก็อาจเตรียมขั้นต่ำ 3เดือนได้
แต่ถ้าคุณมีแหล่งรายได้ทางเดียว
หรือเพื่อความอุ่นใจ
ก็ควรเตรียมไว้ 6เดือนหรือเดี๋ยวนี้ต้องเผื่อ1ปีได้เลย
แต่ถ้าเป็นงานที่อาจขาดรายได้นาน
หากมีปัญหาในงานขึ้น
เช่นนักร้อง นักแสดง นักกีฬาอาชีพ
ก็อาจต้องเตรียมมากกว่า 1 ปีได้เลย
เงินก้อนนี้เก็บที่ไหนครับ
ก็ต้องเก็บในที่ๆเบิกง่าย ถอนง่าย
เช่นบัญชีฝากออมทรัพย์ ฝากประจำ
หรือกองทุนรวมตลาดเงิน
หาเงินเก็บไว้ตรงนี้ก่อนดีไหมครับ
เพราะหากมีตรงนี้แล้วจะได้อุ่นใจ
ไปทำอะไรก็ไม่ต้องกังวล
เมื่อสบายใจ จะไปทำงาน หรือลงทุน
ก็มีโอกาสสำเร็จสูงครับ

• บทความโดย คุณมงคล ลุสัมฤทธิ์ • CEO of WDC Group
Website: www.wdcgroup.co.th
Line@: http://line.me/ti/p/%40wealthdesigner

#WDCgroup
#WealthDesigner
#OurTouchForTheBetterLife
#ทุกชีวิตที่เราสัมผัสจะต้องดีขึ้น

38. มีชีวิตที่ดีขึ้นทุกปี

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ท้องฟ้า และข้อความ

มีชีวิตที่ดีขึ้นทุกปี
คุณว่าไหมปีนี้จะเป็นปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดของคุณ
ทุกเริ่มต้นของปีผมมักจะคิดและบอกตัวเองแบบนี้
ไม่รู้สิครับคิดแบบนี้มาทุกปี
ชีวิตผมก็มีแต่ดีขึ้นทุกปี
ผมหล่ะโคตรเบื่อเลยครับ
บรรดาพวกหมอดู หมอเดาทั้งหลาย
ที่ชอบมาทำนายว่าปีโน้น ปีนี้จะเป็นอย่างไร
พอทำนายผิดก็เห็นเงียบเป็นเป่าสาก
พอบังเอิญฟลุ๊กถูกข้อครึ่งข้อ
เห็นออกมาเปิดคำทำนายว่าแม่น ว่าตรง
ผมไม่รู้หรอกครับว่าปีใหม่นี้ประเทศไทยจะเป็นยังไง
เศรษฐกิจโลกจะไปทางไหน ภัยพิบัติใดจะเกิดขึ้นบ้าง
แต่ผมขอทำนายดวงชะตาของทุกคน
รวมทั้งตัวผมเองด้วยนะครับ
ว่าคุณและผมจะได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุด
ที่สามารถเกิดขึ้นกับชีวิตของคุณและผมได้ ในปีนี้และทุกๆปีตลอดไป
ทำไมผมถึงเชื่ออย่างนั้นหรือครับ
ก็เพราะผมเชื่อว่าไม่ว่าใครก็ตามที่ คิดดี ทำดี พูดดี
ก็ต้องได้รับแต่สิ่งที่ดีแน่นอน
ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร
ผมก็ยังเห็นคนที่คิดดี เค้าได้ดีอยู่เสมอ
อย่าลืมนะครับว่าในทุกวิกฤติมีโอกาสอยู่เสมอ
และก็เพราะวิกฤตินี้แหล่ะที่ทำให้คนที่เห็นโอกาส
กลับเติบโตมหาศาลอย่างที่ในเหตุการณ์ธรรมดาๆ
ไม่สามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้
คนที่ทำดี โดยเฉพาะทำดีกับผู้อื่น
และพิเศษกว่านั้น คือ ทำดีกับผู้คนในวงกว้าง
ชีวิตเค้ากลับมีแต่ดียิ่งๆขึ้น
"การทำบุญ ทำกุศล เหมือนตักน้ำใส่ตุ่ม
เติมไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจว่ามันจะเต็มตุ่มหรือยัง
ถ้ามันเต็มตุ่มมันก็ล้นออกมาเอง
บุญ กุศลก็เหมือนกัน
วันหนึ่งที่บุญล้นออกมา เราไม่เอาก็ไม่ได้"
คนที่พูดดี ใครๆก็อยากอยู่ใกล้
ใครๆก็อยากเข้าหา
ผมเชื่อมาตลอดเรื่องการกระจายข่าวดี เรื่องราวดีๆ
ถ้าเราช่วยกันกระจายแต่ข่าวดี เรื่องราวดีๆ
ลองคิดดูสิครับว่า สังคมแวดล้อมที่เราอยู่จะดีขึ้นแค่ไหน
แล้วเราก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม
ชีวิตของเราก็ต้องมีหรือได้รับแต่สิ่งที่ดีๆด้วยเช่นกันจริงไหมครับ
และในที่สุดหากมีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเราจริงๆ
ยอมรับมันไปเลยครับ จะได้ไม่ไปทุกข์กับมัน
เพราะถ้าเราทำดีทีสุดแล้ว อะไรมันจะเกิด มันก็ต้องเกิด
ผมถึงบอกไงครับว่าปีนี้ และทุกๆปี
ทั้งคุณและผมจะได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุด
ที่สามารถเกิดขึ้นกับชีวิตของคุณและผมได้ไง

• บทความโดย คุณมงคล ลุสัมฤทธิ์ • CEO of WDC Group
Website: www.wdcgroup.co.th
Line@: http://line.me/ti/p/%40wealthdesigner

#WDCgroup
#WealthDesigner
#OurTouchForTheBetterLife
#ทุกชีวิตที่เราสัมผัสจะต้องดีขึ้น

37. จะลงทุนเพื่อวัยเกษียณ อย่างไร?

ในภาพอาจจะมี ข้อความ

จะลงทุนเพื่อวัยเกษียณอย่างไร
คุณรู้ไหมว่าในวันหนึ่งไม่ว่าคุณหรือผม เราจะต้องตกงานอย่างแน่นอน
แต่อยู่ที่ว่าเราจะตกงานเพราะจำใจตกงานเนื่องจากทำงานไม่ไหว
หรือตกงานเพราะเราตั้งใจที่จะตกงานเท่านั้น
วันเกษียณคือวันที่เราไม่มีรายได้หรือรายได้ลดลง
แต่เรายังคงมีรายจ่ายและรายจ่ายบางรายการกลับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำไป
เช่นค่ารักษาพยาบาล ค่าดูแลสุขภาพร่างกาย
วันนี้เรามาดูวิธีเตรียมเงินเกษียณ
เผื่อพอที่จะช่วยกระตุ้นความรู้เรื่องเกษียณของท่านผู้อ่านกันนะครับ
ก่อนอื่นเรามาดูกันครับว่าตอนเกษียณต้องมีเงินเท่าไร
สมมุติว่าตอนนี้คุณอายุ35 คุณตั้งใจที่จะเกษียณที่อายุ60
โดยมีคุณภาพชีวิตเท่ากับปัจจุบันเดือนละ 20,000บาท
หากอัตราเงินเฟ้อคือ3% ณ วันเกษียณต้องใช้เงินเพิ่มเป็น 502,506บาท
หลังเกษียณหาผลตอบแทนแบบเซฟๆ
สมมุติว่าได้เท่าเงินเฟ้อคือ3% แล้วมีชีวิตหลังเกษียณต่อไปอีก25ปี
กองทุนเกษียณที่คุณต้องมี ณ อายุ60 คือ 12,562,650บาท
หากวันนี้คุณยังไม่ได้เก็บเงินเพื่อเกษียณเลย
สมมุติคุณหาผลตอบแทนเฉลี่ยระยะยาวได้ 10%
คุณต้องลงทุนปีละ 116,125บาทถึงจะมีเงินครบตามเป้าหมายนั้น
คราวนี้คุณก็คงต้องมีคำถามอีกว่า10%จะหามาจากไหน
เรามาดูข้อมูลเรื่องการลงทุนก่อนครับ
สินทรัพย์ลงทุนแต่ละอย่างมีผลตอบแทนแตกต่างกัน
แต่ในระยะยาวเป็นสิบๆปีแล้ว
หุ้นยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด
เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ
แม้ระหว่างทางมีความผันผวนสูง
บางปีก็เป็นบวก บางปีก็ติดลบ
อย่างตลาดหุ้นไทยตั้งแต่เปิดตลาดถึงปัจจุบัน40ปี
ก็มีผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ12%
ถ้าคุณยังไม่มีความรู้หรือความชำนาญเรื่องการลงทุนมากนัก
ผมก็ไม่แนะนำให้คุณไปซื้อหุ้นรายตัว
เครื่องมือการเงินหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนทั่วไปคือกองทุนรวม
ถ้าใครสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีด้วย
ก็ใช้ LTF RMF ได้เลย
ซึ่งนอกจากจะได้สิทธิในการใช้ลดหย่อนภาษีแล้ว
ยังเป็นเครื่องมือการลงทุนระยะยาวที่น่าสนใจอีกด้วย
หากคุณไม่ได้ใช้สิทธิเรื่องภาษี
คุณก็ใช้กองทุนรวมทั่วไป
ตั้งแต่กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น
หรือถ้าไม่อยากเห็นความผันผวนสูงระหว่างทาง
ก็ใช้กองทุนรวมผสม
ที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ในเวลาเดียวกัน
ผมแนะนำให้คุณลองเข้าไปดูข้อมูลกองทุนรวมต่างๆ
จากเวป morningstarthailand.com ดูนะครับ
แล้วถ้าบางคนอายุ45แล้วยังไม่ได้วางอะไรเลยหละทำยังไงดี
ก็ยังพอทันครับแต่คุณต้องเก็บเงินหรือลงทุนเพิ่มในแต่ละปีด้วยครับ
ถ้าคุณจะเกษียณที่อายุ60และอยากมีไลฟ์สไตล์เหมือนปัจจุบัน
เดือนละ20,000บาท หรือปีละ240,000บาท
ตอนเกษียณที่อายุ 60 คุณต้องมีเงิน 9,347,800บาท
ระยะเวลา15ปีก่อนเกษียณคาดหวังผลตอบแทน 8%
ปีแรกคุณลงทุน 240,000บาท ปี2ลงทุนเพิ่มเป็น252,000บาท ปี3เป็น 264,600บาท
คือเก็บเพิ่มทุกปีๆละ5% ตามการเติบโตของรายได้ไปทุกปีจนถึงวันเกษียณ
ครบอายุ 60ปี คุณจะมีเงิน 10,740,108บาท
ซึ่งคุณจะถอนเงินมาใช้ได้ปีละ 373,912บาท
และถอนเพิ่มได้อีกปีละ3% ไปเรื่อยๆจนถึงอายุ85ปี
สำหรับผลตอบแทนคาดหวัง8% ในช่วงเวลาลงทุนประมาณ15ปี
เครื่องมือการเงินที่น่าจะทำให้คุณไปถึงเป้าหมายได้
ก็น่าจะเป็นพวกกองทุนรวมผสมที่มีทั้งหุ้นและตราสารหนี้
เช่นกองทุนรวมที่กำหนดสัดส่วนสินทรัพย์ลงทุนแน่นอน
เช่นกองที่ชื่อลงท้ายว่า70/30 พวกนี้ครับ
ซึ่งความหมาย70/30หมายถึง
กองทุนนี้ที่ลงทุนในหุ้น70% และตราสารหนี้30%
พอเห็นแนวทางในการวางแผนเกษียณกันแล้วนะครับ
แต่จากประสบการณ์ของผม ผมพบว่าโอกาสที่ผู้คนที่ได้วางแผนแล้ว
จะไปสู่เป้าหมายที่วางไว้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆครับ
ไม่ว่าคุณจะเก่งในการลงทุนเพียงใด
หาผลตอบแทนได้สูงกว่าที่คาดหวังได้มากมาย
คนจำนวนมากที่เป็นแบบนี้ก็ยังมีโอกาสไปถึงเป้าหมายได้ไม่ง่าย
เพราะอะไรครับ ก็เพราะการวางแผนเกษียณเป็นเรื่องระยะยาว
กว่าะถึงวันเกษียณหลายๆคนอาจล้มเลิก หรือก็ลงทุนบ้างไม่ลงทุนบ้าง
ผมมีข้อแนะนำเพิ่มเติมที่จะช่วยคุณ
เพิ่มโอกาสที่คุณจะมีเงินยามเกษียณครับ
สิ่งที่ผมอยากแนะนำคือ
ให้คุณเลือกเครื่องมือการเงินที่ช่วยสร้างวินัยในการออมและการลงทุน
เช่นหากที่ทำงานคุณมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
อยากแนะนำให้คุณเข้าร่วม
และถ้าที่ทำงานคุณให้เลือกการหักเงินสะสม
ผมแนะนำให้เลือกหักสูงสุดครับ
เมื่อหักคุณเท่าไรนายจ้างจะช่วยคุณสมทบด้วย
ซึ่งทุกๆเดือนคุณจะถูกหักเงินเข้าบัญชีการลงทุนเพื่อเกษียณ
แต่ถ้าคุณไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ผมก็อยากแนะนำให้คุณไปที่ธนาคารหรือบริษัทที่ขายกองทุน
ให้เขาทำการหักบัญชีเงินฝากของคุณ
นำเงินไปลงทุนในLTF RMFหรือกองทุนรวมที่คุณเลือกทุกๆเดือน
ซึ่งนอกจากจะสร้างวินัยในการออมและการลงทุนแล้ว
ยังช่วยคุณให้ลดความเสี่ยงจากการลงทุน
ทำให้คุณได้ราคาเฉลี่ยไม่ว่าราคากองทุนนั้นจะเพิ่มหรือลด
คุณจะได้ประโยชน์ทั้งหมดครับ
อ่านบทความถึงตรงนี้แล้ว มันจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยนะครับ
ถ้าคุณไม่เริ่มต้นเดี๋ยวนี้ เกษียณยังไงๆมันก็มาถึงแน่นอนครับเริ่มเลย

• บทความโดย คุณมงคล ลุสัมฤทธิ์ • CEO of WDC Group
Website: www.wdcgroup.co.th
Line@: http://line.me/ti/p/%40wealthdesigner

#WDCgroup
#WealthDesigner
#OurTouchForTheBetterLife
#ทุกชีวิตที่เราสัมผัสจะต้องดีขึ้น

36. เงินซื้อ ไม่ได้ ทุกอย่าง!!!

ในภาพอาจจะมี หน้าจอ และคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป

ผมว่าทุกคนคงเคยได้ยินประโยคนี้แน่นอน
เผลอๆ คุณอาจจะเคยใช้มันเป็นข้ออ้างกับตัวเองบ่อยๆ
เพื่อให้รู้สึกว่าการมีเงินน้อยมันไม่ได้แย่เท่าไหร่ เพราะ
#เงินมันซื้อไม่ได้ทุกอย่าง
แต่คุณลองคิดดูนะครับว่า...
ความเป็นอยู่ที่ดี ครอบครัวที่มั่นคง อบอุ่น อนาคต
ทางการศึกษาของลูก หรือแม้แต่การยื้อชีวิตด้วย
ความสามารถของแพทย์ เงินซื้อไม่ได้...จริงหรือ?
ทุกอย่างที่ผมว่ามาข้างต้น "เงิน" ซื้อได้ทั้งนั้นแหละครับ
แต่คุณเชื่อหรือไม่ คนส่วนใหญ่ที่มีเงินกลับซื้อสิ่งเหล่านี้
ไม่ได้เลย...
ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีเงินนะครับ แต่เขาแค่ไม่มีความคิด
ที่จะซื้อมันในตอนที่ยังมีเวลา แล้วพอเกิดความผิดพลาด
จนคุณภาพชีวิตเปลี่ยนไป ถึงตอนนั้นเราก็อ้างกันว่า...
"ก็เงินมันซื้อไม่ได้ทุกอย่าง"
ทั้งที่จริงๆแล้ว มันซื้อได้ทั้งนั้นแหละครับ
เพียงแต่คนส่วนใหญ่ มักใช้เงินให้หมดไปกับการซื้อ
มือถือรุ่นใหม่ ซื้อรถคันใหม่ กินกาแฟแก้วละร้อย
อาหารมื้อละพัน ของแบรนด์เนม กับไลฟ์สไตล์สวยหรู
โดยไม่เคยตระหนักเลยว่า เงินที่ใช้จ่ายไปวันนี้...
มีอะไรจ่ายเพื่ออนาคตของตัวเองและคนข้างหลังหรือยัง?
#อันนี้ฝากไว้ให้คิดนะครับ
ถ้าวันที่คุณเป็นลูก ที่ยังมีพ่อแม่ต้องเลี้ยงดู
ถ้าวันนี้คุณเป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีลูกต้องดูแล
ถ้าวันนี้คุณเป็นคนที่สุขภาพร่างกายเริ่มย่ำแย่
มีหลักประกัน มีรายได้อื่นๆ มีแผนสำรองรออยู่บ้างไหม?
มือถือรุ่นใหม่ กาแฟแก้วละร้อยในวันนี้
เลี้ยงดูคุณและครอบครัวในอนาคตไม่ได้นะครับ
ถ้าคุณยังไม่ตระหนักถึงความน่ากลัว
และมัวแต่ใช้เงินซื้อความสุขชั่วคราวแค่ตอนนี้
ผมบอกได้เลยว่า...
วันที่คุณต้องใช้ "แผนสำรอง" ของชีวิต
เพื่อดูแลคนที่คุณรัก หรือแม้แต่ตัวคุณเอง
#แต่คุณกลับสร้างมันไม่ทัน
วันนั้นแหละครับ ที่คุณจะเจอกับคำว่า
เงินซื้อ "ไม่ได้" ทุกอย่าง...อย่างแท้จริง!!
อย่าต้องให้ถึงวันนั้นเลยครับ
- ผมว่ามันน่าเศร้า -

• บทความโดย คุณมงคล ลุสัมฤทธิ์ • CEO of WDC Group
Website: www.wdcgroup.co.th
Line@: http://line.me/ti/p/%40wealthdesigner

#WDCgroup
#WealthDesigner
#OurTouchForTheBetterLife
#ทุกชีวิตที่เราสัมผัสจะต้องดีขึ้น

35. หุ้นขึ้น ก็อย่าละเลย!!! การจัดสรรพอร์ตการลงทุน

ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และข้อความ

โดยปกติผมไม่ค่อยได้ให้คำแนะนำสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นสักเท่าไหร่ แต่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ถ้าท่านที่ติดตามอยู่ จะเห็นได้ว่า กระแสของตลาดบวกขึ้นมาเกือบ 40 จุด!
ต้องบอกว่าบวกเร็วและแรง อย่างน่าตกใจ ต่างชาติแห่ซื้อหุ้นไทย ราวกับเราลด แลก แจก แถม! วันนี้ผมเลยอยากจะขอแชร์ความรู้เพิ่มเติมในสถานการณ์ดังกล่าวเล็กๆน้อยๆครับ
#หุ้น เป็นสินทรัพย์ที่ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในระยะยาว แต่ความเสี่ยงของ "หุ้น" คือความผันผวนของราคา ซึ่งมีความเสี่ยงสูง ไม่ว่าวันนี้ คุณจะเป็นนักลงทุนสายVI ที่ชอบเก็บหอมรอมริบ หรือ เป็นสายเทรดซิ่งวิ่งแรงก็ตาม
#เรื่องสำคัญในการลงทุนเรื่องหนึ่ง คือ “การกระจายพอร์ตการลงทุน” เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตฯลง และไม่เป็นการแบกความเสี่ยงของสินทรัพย์ตัวหนึ่งมากจนเกินไป
ไม่ว่าเราจะชื่นชอบสินทรัพย์ประเภทนี้มากเพียงใดก็ตาม แต่ธรรมชาติของความผันผวนใน"หุ้น" เป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ เราจึงไม่ควรทุ่มเงินลงทุนไปพอร์ตหุ้นอย่างเดียวแบบหมดหน้าตักเด็ดขาด
การจัดสรรพอร์ตการลงทุน หรือ Asset Allocation จึงยังเป็นสิ่ง "จำเป็น" ที่ต้องทำ และ ต้องมีวินัยในการเดินตามแผนเช่นว่านั้นด้วย
เพราะการลงทุนที่ดี นอกจากได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายแล้วยังต้อง "ปลอดภัย" ในระดับที่เรารับได้ ไม่ใช่ลงทุนไปเสี่ยงหัวใจวายไป
การจัดสรรสินทรัพย์ฯ ทำได้โดยเราสามารถแบ่งไปกระจายในรูปแบบต่างๆ ซึ่งแล้วแต่เป้าหมายที่เราวางไว้ ผมยกตัวอย่างเช่น กระจายไปไว้ในกองทุนรวมในหุ้น 50% กองทุนรวมตราสารหนี้ 30% Property Fund 20% ก็จะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนได้
#สิ่งที่น่ากังวลคือ ไม่ใช่เราเห็นว่าช่วงนี้ ตลาดหุ้นทำกำไรได้ดีมาก ก็ย้ายเงินจากทุกตะกร้าไปใส่ในพอร์ตหุ้น ด้วยความคาดหวังว่าจะดึงกำไรในระยะสั้นได้เป็นกอบเป็นกำ แบบนี้เป็นการไม่มีวินัยทางการลงทุน และผมถือว่าเป็นความล้มเหลวในการจัดการสินทรัพย์อย่างมากเลยทีเดียว
#ฝากไว้นะครับ ความโลภไม่เคยปราณีใคร และวินัยเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้เราอยู่รอดปลอดภัย ไปสู่ความมั่งคั่งได้แบบยั่งยืน ไม่หัวใจวายตายไปเสียก่อน
เสาร์ - อาทิตย์ ตลาดหุ้นปิด ให้เราได้มีเวลาดึงสติกัน ในสถานการณ์ที่ตลาดล่อตาล่อใจเช่น2วันที่ผ่านมา ลองใช้เวลาตรวจสอบ "พอร์ตการลงทุน" ของคุณให้ดีนะครับ ว่าสินทรัพย์ของคุณ ยังถูกจัดวางอยู่ในตะกร้าที่ควรอยู่หรือไม่ หรือมีตัวใดกำลังเดินออกนอกแผนอยู่หรือเปล่า?
ถ้าใช่...รีบกลับมาเถอะครับ ผมเป็นห่วง
- ขอให้ทุกท่านโชคดีในวันจันทร์ครับ -

• บทความโดย คุณมงคล ลุสัมฤทธิ์ • CEO of WDC Group
Website: www.wdcgroup.co.th
Line@: http://line.me/ti/p/%40wealthdesigner

#WDCgroup
#WealthDesigner
#OurTouchForTheBetterLife
#ทุกชีวิตที่เราสัมผัสจะต้องดีขึ้น

34. ในอีก 5 ปี ข้างหน้า ชีวิตคุณ จะเป็นแบบไหน?

ในภาพอาจจะมี 1 คน


คำถามง่ายๆ แต่ตอบยากมากนะครัับ ที่ยากไปกว่านั้น คือ "ทำ"ให้ได้อย่างที่ต้องการ เพราะจริงๆแล้ว เราทุกคนล้วนมีภาพที่ชีวิตจะต้องดีขึ้น สบายขึ้น รวยขึ้น กันแทบทุกคน แต่พอเอาเข้าจริง...

มันไม่ง่าย หลายต่อหลายครั้ง เราใช้ชีวิตแบบ "ปล่อยไหล"
มากเกินไป จนลืมว่าเวลามันผ่านไปเร็วมากแค่ไหน เผลอไปชั่วพริบตา เราก้มหน้าทำงานกันมากี่ปีแล้ว ชีวิตยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่าครับ
ลองมองย้อนกลับไปดูสิครับ เมื่อ 5 ปีที่แล้วกับวันนี้ ชีวิตคุณมีอะไรพัฒนาไปบ้างแล้วหรือยัง...
- ยังต้องทนทำงานหนักเหมือนเดิม
เพราะมีภาระต้องรับผิดชอบ...
- ยังไม่มีเงินเก็บเหมือนเดิม
เพราะลำพังเงินกิน ยังไม่ค่อยจะพอ...
- ยังไม่มีอิสระในชีวิต
เพราะต้องทำงานหาเงินตลอดเวลา...
- ยังไม่มีความมั่นคงใดๆ ให้อนาคต
เพราะแค่ปัจจุบัน ก็ล่อแล่จะแย่แล้ว...
ถ้า"ใช่" ลองหยุด!! คิดสักนิดนะครับ ถ้า 5 ปีที่ผ่านมาเรายังอยู่ที่เดิม แล้วในอีก 5 ปีข้างหน้า! ชีวิตคุณจะยังอยู่ตรงนี้มั้ย? ถ้าวันนี้คุณพอใจกับชีวิตวันนี้แล้ว ผมก็คงไม่ว่าอะไร...
แต่ถ้ายังไม่พอใจ แล้วจะยังทำเหมือนเดิม มันก็จะได้ผลแบบเดิมครับ ใครที่ใช้ชีวิตแบบ "ปล่อยไหล" มานาน จนไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน
#ผมขอแนะนำวิธีการสั้นๆ ในการCheck list ชีวิตตัวเองให้แบบคร่าวๆเพื่อให้เห็นจุดรั่วในชีวิตตัวเองกันเบื้องต้นนะครับ
#ตรวจสอบรายรับที่ตัวเองมี วันนี้คุณมีรายได้กี่ทาง ถ้าตอบว่า "ทางเดียว" หายนะเกิดนะครับ ทุกวันนี้ความมั่นคงในรายได้ทางเดียวไม่มีจริง สิ่งที่คุณต้องมีคือ แม่น้ำหลายสาย สร้างรายรับหลายๆทาง ทางไหนพังไป ยังพอมีชีวิตรอดได้
#ตรวจสอบรายจ่ายที่ตัวเองมีี ทุกวันนี้ พฤติกรรมการใช้จ่ายของคุณเป็นแบบไหนกันครับ มีร้อยใช้พัน มีพันใช้หมื่นหรือไม่ เอาเงินในอนาคตมาใช้มากแค่ไหน ข้อนี้เป็นส่วนสำคัญมาก ถ้าพฤติกรรมการใช้เงินของคุณ ไม่สอดคร้องกับ รายได้ มันก็ไม่มีทางจะสบายแน่นอนครับ
#ตรวจสอบหนี้สินที่ตัวเองมี ไม่ว่าหนี้บัตรเครดิต หนี้บ้าน หนี้รถต่างๆ ตรวจสอบดอกเบี้ยที่คุณต้องเสียไปในแต่ละเดือน (แล้วคุณจะตกใจ!) หลังจากนั้น เริ่มวางแผนการชำระหนี้ให้ดีครับ รวมทั้ง "หยุดก่อหนี้เพิ่ม" ด้วยนะครับ
#ตรวจสอบหลักประกันความเสี่ยง ในวันนี้ให้ดีว่าถ้าวันนี้คุณเกิดเหตุร้ายใดๆขึ้นกับตัวเอง ไม่ว่าจะเจ็บป่วย ตกงาน พ่อแม่ป่วยไข้ฯ คุณพร้อมรับมือกับเหตุการณ์เหล่านี้มากแค่ไหน บางครั้งเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต อาจจะหมดเพราะข้อนี้ก็เป็นได้ครับ และส่วนใหญ่เป็นแบบนั้นเสียด้วย
คร่าวๆเพียง 4 ข้อนี้ ที่ดูเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่น้อยคนเหลือเกินที่จะใช้เวลาในการนั่งเช็คข้อมูลตัวเอง ผมอยากให้ลองทำดู แล้วเอาข้อมูลตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้น พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายในอนาคตของคุณให้ชัดเจน ว่าในอีก 5 ปี ข้างหน้า ชีวิตคุณจะหน้าตาเป็นอย่างไร??
เมื่อเรารู้แล้วว่าชีวิตวันนี้มันหน้าตาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เมื่อเช็คออกมา คุณจะรู้ได้เองว่ามันกำลัง "รั่ว" อยู่ตรงจุดไหน ก็ "อุด" มันซะ แล้วค่อยๆเติมสิ่งที่มันควรจะมี อย่างตั้งใจและมีเป้าหมายที่ชัดเจน
ใช้เวลา 5 ปี หลังจากนี้ มีวินัยให้มากที่สุด ผมเชื่อว่า ชีวิตคุณในอีก 5 ปีข้างหน้า ต้อง "หน้าตาดี" แน่นอนครับ

• บทความโดย คุณมงคล ลุสัมฤทธิ์ • CEO of WDC Group
Website: www.wdcgroup.co.th
Line@: http://line.me/ti/p/%40wealthdesigner

#WDCgroup
#WealthDesigner
#OurTouchForTheBetterLife
#ทุกชีวิตที่เราสัมผัสจะต้องดีขึ้น

33. "ฟรีแลนซ์" ห้ามป่วย ห้ามตาย ถ้ายังไม่ได้จัดการ "เรื่องเงิน"

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

       ผมว่านี่เป็นนิยามของคนที่เป็น "ฟรีแลนซ์" กันไปแล้วนะครับ กับประโยคที่ว่าเป็น "ฟรีแลนซ์" ห้ามป่วย ห้ามตาย!
อย่างที่เราทราบกันดีครับว่า ถ้าคนที่เป็นพนักงานกินเงินเดือน อย่างน้อยทุกสิ้นเดือนเขามีรายได้ แถมยังมีสวัสดิการ มีประกัน มี Provident Fund ที่ดูแล้วเหมือนจะมีความมั่นคงในชีวิตมากกว่าคนทำงานอิสระ
ในขณะที่เหล่า "ฟรีแลนซ์" ทั้งหลาย ยังต้องก้มหน้าทำงานต่อไปแบบไม่หยุดหย่อน จะไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะรายได้ไม่แน่นอน งานมาต้องรีบคว้า เพราะไม่รู้ว่า งานหน้าจะมีมาอีกเมื่อไหร่
#ผมเห็นน้องบางคนทำงานทุกเวลา จนแทบไม่เหลือเวลานอน น้องคนนั้นบอกผมว่า นี่แหละพี่ "งานอิสระ" คือจะทำเวลาไหนก็ได้ แม้แต่เวลานอน (ฮาา) ซึ่งผมว่าชีวิตแบบนี้มันไม่น่าจะใช่ คำว่า "อิสระ" เท่าไหร่
จริงๆรูปแบบชีวิตของคนเป็น "ฟรีแลนซ์" แม้ว่าเราจะไม่มีสวัสดิการต่างๆ เหมือนที่บริษัทมีให้พนักงาน แต่เราก็สามารถสร้างมันขึ้นมาเองได้นะครับ เพียงแค่ต้องอาศัยความรู้ และความมีระเบียบวินัยทางการเงินเพิ่มขึ้นสักหน่อย
#ผมขอให้คำแนะนำเบื้องต้น สำหรับคนเป็นฟรีแลนซ์ที่วันนี้คุณอาจจะยังไม่มีแม้แต่ "เงินเก็บ" แบบนี้ครับ
- ขั้นแรกเริ่ม ลองตรวจสอบรายจ่ายประจำที่คุณต้องใช้ในแต่ละเดือนดูก่อนเลยครับ เพราะรายได้ไม่แน่นอน แต่เรามีรายจ่ายแน่นอนทุกเดือน ทั้งค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน เผื่อจิปาฐะตามที่คุณจะใช้ชีวิตอย่างไม่เดือดร้อน เฉลี่ยแล้วเดือนละเท่าไหร่ เช่น 50,000 บาท./เดือน ก็ใช้แค่นั้นครับ อย่าใช้เรื่อยเปื่อย แม้ว่าคุณจะหาได้มากกว่านั้นก็ตาม
- แบ่งเงินออกจากกันให้ได้ อย่างน้อย 2 กระเป๋า คือ กระเป๋ารายเดือนจากข้อแรก คือเดือนละ 50,000 บาท ไว้ใช้จ่าย และ กระเป๋าเงินฉุกเฉิน ซึ่งกระเป๋าใบนี้จำเป็น และ ต้องอาศัยวินัยอย่างมาก
#คุณต้องทยอยเก็บสะสมเงินเข้าไป ในกระเป๋าฉุกเฉิน "ทุกครั้ง" ที่มีรายได้ สะสมมันไปเรื่อยๆ ตั้งเป้าไว้เลยว่า ให้เพียงพอต่อรายจ่ายประจำจากข้อแรก อย่างน้อย 6เดือน เพื่อไว้ช่วยชีวิตในยามที่คุณไม่มีงาน มันจะทำให้คุณยังมีเวลาตั้งหลักถึง 6เดือน โดยไม่ต้องเครียดกับเรื่องรายจ่าย
#แรกเริ่มเอาแค่กระเป๋า2นี้ ทำให้ได้ก่อนครับ ซึ่งผมว่ามันเป็นเรื่องง่ายมากๆ แต่มันจะทำได้จริงไหม #ขึ้นอยู่กับวินัยทางการเงินล้วนๆ นี่เรายังไม่ได้ไปถึงการจัดสวัสดิการตัวเองเช่นการซื้อประกันฯ การตั้งเป้าหมายทางการเงินเรื่องอื่นๆ การเตรียมตัวเกษียณ ฯลฯ
จริงๆแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องครับ ที่เราต้องเตรียมตัว เพราะถ้าเราจะแค่ทำงาน เก็บเงิน เราก็อาจจะต้องใช้แรงทำงานไปจนตาย วันหนึ่งแรงคุณก็จะหมด เงินก็หมดตาม ถึงตอนนั้นคุณจะตายจริงๆละครับ
ถ้าวันนี้คุณยังเป็น "ฟรีแลนซ์" ที่ต้องใช้แรงแลกเงิน ผมก็แนะนำว่า มีแรงอยู่ ก็ทำให้สุดกำลัง! แต่อย่าลืมรักษาวินัยทางการเงินให้ดี เพราะวันหนึ่งที่คุณมีเงินมากพอแล้ว คุณจะได้ขยับเพิ่มกระเป๋นเงินเป็นใบที่ 3 ใบที่4 ไปสู่การให้สวัสดิการตัวเอง ไปสู่วิธีการที่ให้เงินหาเลี้ยงเราบ้าง ด้วยการลงทุน ด้วยเงินปันผลต่างๆ
เมื่อถึงตอนนั้น คุณจะรู้ว่า "ฟรีแล๊นซ์" ก็เป็นอาชีพที่มั่นคงได้และมั่งคั่งได้ โดยไม่ต้องทำงานกันแทบตายแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
- สู้ๆนะครับ -

• บทความโดย คุณมงคล ลุสัมฤทธิ์ • CEO of WDC Group
Website: www.wdcgroup.co.th
Line@: http://line.me/ti/p/%40wealthdesigner

#WDCgroup
#WealthDesigner
#OurTouchForTheBetterLife
#ทุกชีวิตที่เราสัมผัสจะต้องดีขึ้น

32. ยิ่งออม ทำไมยิ่งจน!!


ในภาพอาจจะมี ข้อความ

      จั่วหัวมาแบบนี้ ไม่ต้องตกใจกันครับ...
ผมหมายความตามนั้นจริงๆแหละ เพราะถ้าใครที่คิดว่า
มีเงินแล้วเราก็แค่แบ่งออมไว้ เก็บใส่ธนาคาร ใส่ไห
ใส่กระปุกหมูไว้ แล้วเงินเก็บเราจะปลอดภัย
มาถึงตรงนี้ ใครที่ยังคิดว่าก็วันนี้ฉันเก็เงิน100บ.ผ่านไป10ปี มันก็ยังเป็น100บ.อยู่ มันไม่ได้กลายเป็นแบงค์20 เสียหน่อย แล้วมันจะน้อยลงเรื่อยๆได้ยังไง?
มาครับ มารวมกันตรงนี้ เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟัง
จริงอยู่ครับว่าแบงค์100 ของคุณวันนี้ มันก็ยังเป็นแบงค์100 อยู่ดีในอีก10ปีข้างหน้า ตรงนี้ผมไม่เถียง #เพราะสิ่งที่เปลี่ยนไปไม่ใช่หน้าตาของเงินที่คุณเก็บ #แต่คือมูลค่าของเงินต่างหาก
เราทุกคนคงเคยได้ยินคำว่า "เงินเฟ้อ" บางคนก็เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ว่าเงินเฟ้อนั้นคืออะไร และจะส่งผลกระทบกับชีวิตเรายังไง ซึ่งบอกเลยว่า #กระทบมากๆครับ
- ตัวอย่างง่ายๆครับ -
สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย ก๋วยเตี๋ยวชามละ5.บ.
สมัยรุ่นพ่อแม่ ก๋วยเตี๋ยวชามละ10บ.
สมัยตอนเราเด็กๆ ก๋วยเตี๋ยวชามละ 15-20บ.
และ....สมัยนี้ ก๋วยเตี๋ยวชามละ 35-50 บ.
เหตุการณ์แบบนี้แหละครับ ที่เค้าเรียกว่า"เงินเฟ้อ" มันคือสถานการณ์ที่ทำให้ราคาของต่างๆ "แพงขึ้น" นั่นเอง #เงินเฟ้อจะทำให้เราต้องใช้เงินมากขึ้น ในการซื้อสินค้าชนิดเดิม พูดง่ายๆ ก็คือเงินด้อยค่าลงนั่นเอง
สถิติเงินเฟ้อของประเทศไทยในช่วงระหว่างปี 2535-2560 เฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 3% นั่นหมายความว่า ราคาสินค้าและบริการต่างๆ จะแพงขึ้น อย่างน้อยปีละ 3% ครับ เมื่อของแพงขึ้น จำนวนเงินที่เท่าเดิมเลยซื้อของได้น้อยลง! เพราะมูลค่ามันน้อยลงเรื่อยๆ
ผมถึงบอกว่า ใครที่คิดว่าเอาแต่เก็บออมก็คงเพียงพอก็คงไม่พอแล้วนะครับ เพราะคุณต้องคิดเผื่ออัตราเงินเฟ้อที่จะเกาะกิน!! มูลค่าเงินในไหของคุณให้สึกหรอลงไปอีก 3%ต่อปีด้วย
#ดังนั้นวิธีการง่ายๆคือ หาทางทำให้เงินเก็บนั้นงอกเงยขึ้นเรื่อยๆ ครับ ด้วยวิธีการลงทุน หรือ จัดสรรเงินในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าและเอาชนะเงินเฟ้อในอนาคตได้ ถ้าทำเองไม่ได้ หรือไม่มั่นใจ ลองปรึกษานักวางแผนการเงินดู มีทางออกแน่นอนครับ
เรื่องนี้สำคัญนะครับ สิ่งที่คุณต้องมีนอกจากวินัยการออมแล้ว คุณต้องศึกษาเรื่องการลงทุน และการวางแผนการเงินด้านอื่นๆด้วย ไม่อย่างนั้นแล้ว #ยิ่งออมยิ่งจนลงแน่ๆ
แบงค์100 ของคุณในวันนี้อาจจะซื้อก๋วยเตี๋ยวได้2-3ชาม แต่ในอีก15-20 ปีข้างหน้า ผมไม่แน่ใจว่า จะซื้อได้ถึง1ชามหรือไม่?

• บทความโดย คุณมงคล ลุสัมฤทธิ์ • CEO of WDC Group
Website: www.wdcgroup.co.th
Line@: http://line.me/ti/p/%40wealthdesigner

#WDCgroup
#WealthDesigner
#OurTouchForTheBetterLife
#ทุกชีวิตที่เราสัมผัสจะต้องดีขึ้น

31. แต่งงาน กันมั๊ย...

ในภาพอาจจะมี 2 คน, คนที่ยิ้ม, ข้อความ

หัวข้อนี้ คนโสดไม่ต้องโกรธนะครับ... 

       ถ้า ณ วันนี้ คุณยังโสดผมบอกเลยว่าดีใจด้วย ที่คุณจะมีเวลา มีโอกาสเตรียมตัว เตรียมใจแต่เนิ่นๆ ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรกันบ้าง?
ส่วนคนมีคู่ นอกจากเรื่องอื่นๆ ที่คุณจะต้องช่วยดูแลกัน เพื่อให้ชีวิตคู่ไปถึงฝั่งฝันให้ได้แล้ว อีกเรื่องที่สำคัญและเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องพูดคุยกันอย่างเปิดใจ ตรงไปตรงมา คือเรื่องเงินๆทองๆนี่แหละครับ...
#บางคู่คบกันแล้วถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องเงินกัน ซึ่งในช่วงแรกๆ ก็คงดำเนินไปแบบนั้นได้นะครับ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คิดจะขยับฐานะมารวมหอลงโลงกันแล้ว "การวางแผนการเงิน" ก่อนแต่งงาน ถือเป็นเรื่อง "จำเป็น" ที่สุด และ เป็นโจทย์ท้าทายอีกโจทย์หนึ่งในชีวิตคู่เลยก็ว่าได้
#การวางแผนการเงินร่วมกัน ก่อนแต่งงานนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ เพราะจำเป็นต้องอาศัยความยินยอม ความร่วมมือร่วมใจ และ มองเป้าหมายไปในทางเดียวกัน ซึ่งเรื่องนีแหละครับ เป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบมาหลายต่อหลายคู่แล้ว
เอาง่ายๆ ลองทำตามนี้กันก่อนดีไหมครับ...
#พูดคุยอย่างเปิดใจ เรื่องสถานะทางการเงินของทั้งสองฝ่าย บางคนตอนจีบกัน เป็นแฟนกัน ภาพที่เห็นคือกินหรู อยู่สบาย แต่พอนานๆไป มารู้ทีหลังว่าอีกฝ่ายรูดบัตรเครดิตมาใช้มหาศาล หนี้บานตะไท จะแย่เอานะครับ ลองหาจังหวะดีๆ เปิดใจคุยกัน ใครมีรายได้เท่าไหร่ มีหนี้เท่าไหร่ มีเงินเก็บหรือไม่ แต่ละคนมีวิธีการจัดสรรเงินของตัวเองแบบไหน ลองแลกเปลี่ยนข้อมูลกันดูครับ อาจจะเห็นภาพชัดขึ้น
#ตั้งเป้าหมายร่วมกัน เมื่อเราตรวจสอบสถานะทางการเงินของตัวเองและอีกฝ่ายแล้ว เราจะมองเห็นภาพชัดขึ้นครับว่าสถานะทางการเงินของทั้งคู่อยู่ในระดับไม่น่าเป็นห่วง หรืออยู่ในระดับร่อแร่มากๆ เพราะมันจะนำไปสู่เป้าหมายที่ต่างกันครับ
- ในกรณีที่คู่ของคุณ #อยู่ในสถานะไม่มีอะไรน่าห่วง พวกคุณก็จะสามารถวางเป้าหมายเพื่อสร้างในอนาคตร่วมกันได้ง่ายขึ้น และเร็วขึ้น เช่น การวางแผนค่าใช้จ่ายเรื่องแต่งงาน การซืื้อบ้าน การมีลูก ตั้งเป้าหมายการออมเพื่อระยะสั้น กลาง ยาว การวางแผนการศึกษาบุตร ฯลฯ
- แต่ถ้ากรณีที่คู่ของคุณ #อยู่ในสถานะร่อแร่ แต่ถ้าดูแล้ว ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งคู่ ยังมีภาระมีหนี้สินอยู่อย่างรัดตัว เราอาจจะต้องช่วยกันวางเป้าหมายสำหรับเคลียร์ปัจจุบันให้เข้าที่เสียก่อน เช่นการวางแผนการชำระหนี้ การลดค่าใช้จ่าย ลดอัตราดอกเบี้ยต่างๆ เช่นการทำเรื่องขอรีไฟแนนซ์หนี้บัตรเครดิตกับทางสถาบันการเงิน
หยุดการก่อหนี้ส่วนตัวที่ไม่จำเป็น และอย่าลืมทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อเป็นตัวช่วยตรวจสอบว่ามีรายจ่ายส่วนไหนที่จ่ายไป "เกินกว่าเหตุ" หรือไม่ ก็ลดส่วนนั้นลงครับ
#ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาก แต่เอาเข้าจริงๆ ในทางxปฏิบัติ "ยากมากๆครับ" เพราะบางคู่ไม่ไปรอดตั้งแต่ข้อ1. แค่ชวนคุยก็ทะเลาะกันแล้ว หรือพอคุยจบ ก็ติดลบจนโดนทิ้งไว้กลางทาง เพราะภาพไม่สวยงามอย่างที่เคยเห็น
หรือขณะที่บางคู่พูดคุยกันจนเข้าใจ วางเป้าหมายกันอย่างดิบดี แต่ก็ไม่เคยทำตามแผน ยังกลับไปเป็นตัวของตัวเองใช้เงินแบบเดิม เหมือนตัวคนเดียว วินัยไม่ดี เงินทองก็ไม่ค่อยมีด้วย แบบนี้การไปให้รอดก็จะเหนื่อยมากๆ
และนี่แหละครับที่ผมบอกว่า ถ้าวันนี้คุณยังโสด คุณยังมีเวลาในการ "เคลียร์" สถานะทางการเงินของตัวเอง ให้เข้าที่เข้าทาง ให้ใสสะอาดที่สุด ก่อนที่จะมีใครสักคนเข้ามาร่วมชีิวิต ถึงตอนนั้นแล้ว การพูดคุยหรือการสร้างฐานะร่วมกัน จะง่ายดายขึ้นมากๆ
ส่วนคนมีคู่ อย่าลืมนะครับ!! ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า "แต่งงานกันมั้ย..." ต้องแน่ใจก่อนนะครับว่ารู้จัก(เรื่องเงิน) กันดีพอแล้ว ไม่งั้นจากจุดเริ่มต้นที่สวยงาม อาจกลายเป็นจุดจบในวันข้างหน้าก็ได้...
- ผมเอาใจช่วยทุกๆคู่ครับ -

• บทความโดย คุณมงคล ลุสัมฤทธิ์ • CEO of WDC Group
Website: www.wdcgroup.co.th
Line@: http://line.me/ti/p/%40wealthdesigner

#WDCgroup
#WealthDesigner
#OurTouchForTheBetterLife
#ทุกชีวิตที่เราสัมผัสจะต้องดีขึ้น